อาการของโรคนี้คือการมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นและโรคนี้สามารถส่งผลระทบต่อชีวิตของเด็กได้ในทุกด้าน
โรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder หรือ ADHD) เป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่หุนหันพลันแล่น ไม่มีสมาธิ และซน โรคนี้มักวินิจฉัยในเด็กแต่อาการของโรคยังสามารถคงอยู่ได้จนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ได้ การรักษาที่เหมาะสมจะทำให้เด็กที่เป็นโรคนี้สามารถมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
ADHD vs. ADD
Attention deficit disorder (ADD) เป็นชื่อโรคเดิมของโรคสมาธิสั้นในปัจจุบัน โดยชื่อ ADD นั้นได้ใช้ต่อเนื่องมาจถึงปี ค.ศ. 1987 ก่อนที่จะมีการเพิ่มคำว่า hyperactivity เข้าไป ตามที่ระบุไว้ใน Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders ในปัจจุบันยังมีการใช้คำว่า ADD และ ADHD ในความหมายเดียวกันหรือบางคนอาจเรียกเด็กที่มีปัญหาเฉพาะด้านสมาธิแต่ไม่ซนว่าเป็นกลุ่ม ADD แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนมากเห็นด้วยว่าคำว่า ADD ถือเป็นคำที่ล้าสมัยไปแล้วและการใช้คำนี้เป็นการะบุถึงโรคที่อาจทำให้เกิดความสับสนได้ เพราะว่าโรค ADHD ก็มีประเภทย่อยต่างๆ ที่สามารถอธิบายแต่ละภาวะได้อยู่แล้ว
ประเภทของโรคสมาธิสั้น
โรคนี้สามารถบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทย่อยๆ คือ
➠กลุ่มที่มีอาการซนและหุนหันพลันแล่นเด่น : เด็กกลุ่มนี้มักมีปัญหากับเรื่องซนและหุนหันพลันแล่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อาจจะมีอาการของการขาดสมาธิบางอย่างได้
➠กลุ่มที่มีอาการสมาธิสั้นเด่น : เด็กกลุ่มนี้มีอาการทางด้านของสมาธิเด่น แต่ก็อาจมีบางอาการของอาการซนและหุนหันพลันแล่นได้เช่นกัน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เคยเรียกว่า ADD
➠กลุ่มที่มีอาการด้านซนและหุนหันพลันแล่นร่วมกับสมาธิสั้น : เด็กกลุ่มนี้มีอาการทั้งซน หุนหันพลันแล่น และสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคสมาธิสั้นโรคสมาธิสั้นพบได้ในประชากรผู้ใหญ่ประมาณ 4% ในประเทศสหรัฐอเมริกา อ้างอิงจากสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ (National Institute of Mental Health หรือ NIMH) ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้ทุกคนมีอาการตั้งแต่เด็ก แต่อาจจะไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น ในผู้ใหญ่สามารถก่อให้เกิดปัญหาทั้งทางด้านความสัมพันธ์ การทำงาน และความเชื่อมั่นในตนเอง
ผู้ป่วยโรคนี้หลายคนไม่รู้ว่าตนเองมีภาวะนี้ พวกเขาอาจรู้แค่ว่าสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำในแต่ละวันนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากและท้าทาย บางคนอาจสังเกตว่าอาการของตนเองค่อยๆ ดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ในขณะที่อีกหลายคนยังคงมีอาการอยู่ต่อเนื่อง ผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคนี้มากกว่า 75% จะยังมีอาการต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อ้างอิงจาก องค์การ CHADD (Children and Adults with Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder)
โรคสมาธิสั้นในเด็ก
CHADD กล่าวว่าโรคนี้พบได้ประมาณ 11% ของเด็กวัยเรียนและพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กหญิงถึงสี่เท่า เด็กที่มีภาวะนี้มักมีอาการที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งในที่บ้าน โรงเรียน หรือในสังคม พ่อแม่และครูมักเข้าใจผิดว่าอาการของโรคนี้เป็นอาการจากปัญหาทางด้านอารมณ์หรือพฤติกรรม
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญยังคงไม่แน่ใจว่าโรคนี้เกิดจากอะไร ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคสมาธิสั้นในเด็ก ประกอบด้วย
➠พันธุกรรม (โรคนี้มีการถ่ายทอดในครอบครัว) แม้ว่าจะยังไม่สามารถระบุ gene ที่ชัดเจนได้
➠การสัมผัสสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะตะกั่ว
➠การใช้แอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์
➠การเกิดอันตรายต่อสมอง
➠การคลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์
นอกจากนั้นยังมีความเชื่อที่ได้รับความนิยมหลายอย่าง เช่น การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป การเลี้ยงดูที่ไม่ดี หรือการดูโทรทัศน์มากเกินไปจะทำให้เป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งแม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่ออาการของเด็ก แต่งานวิจัยไม่ได้สนับสนุนว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิดความผิดปกติขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของโรคสมาธิสั้น
หากไม่ได้รับการรักษา โรคนี้อาจทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น
➠ล้มเหลวทางการศึกษา
➠มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
➠เกิดอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บ
➠การติดแอลกอฮอล์หรือยา
➠พฤติกรรมที่ผิดกฏหมาย
➠ปัญหาในการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน
โรคที่สามารถเกิดร่วมกันได้
เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นยังอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอื่นร่วมด้วย เช่น
➠โรควิตกกังวล
➠ความบกพร่องทางการเรียนรู้
➠โรคซึมเศร้า
➠โรคสองขั้ว (ภาวะที่มีอาการทั้งซึมเศร้าและ mania)
➠โรคดื้อ (Oppositional defiant disorder หรือ ODD) เป็นโรคที่มีอาการต่อต้านกฎระเบียบทุกรูปแบบ
➠โรคเกเร (Conduct disorder) เป็นโรคที่มีพฤติกรรมเช่นการโกหก ขโมยของ ต่อสู้ หรือล้อเลียนผู้อื่น
➠Tourette syndrome เป็นกลุ่มอาการความผิดปกติทางระบบประสาทที่จะมีพฤติกรรมซ้ำๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
➠ปัญหาทางการนอนหลับ
➠ปัสสาวะรดที่นอน
ที่มา :
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น