“โรคเบาหวาน”คือโรคที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถการย่อยสลายน้ำตาลในร่างกายของเรา ตามที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติของอเมริกาพบว่า ชาวอเมริกันมากกว่ายี่สิบล้านคนนั้นทุกข์ทรมานกับโรคชนิดนี้ ถึงแม้ว่าจำนวนหนึ่งในสี่ของคนที่เป็นโรคเบาหวานจะไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นมันก็ตาม คนสามารถทรมานนับปีโดยหารู้ไม่ว่าโรคเบาหวานนั้นกำลังทำลายร่างกายของเขาอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งอาการดังต่อไปนี้ก็คือ อาการของโรคเบาหวานที่ทุกคนควรจะรู้เอาไว้ค่ะ
1. โมโหง่าย
ความแปรเปลี่ยนทางอารมณ์เป็นเรื่องที่เราต้องระวังไว้ จากคำพูดของผู้เชี่ยวชาญแห่งสมาคมโรคเบาหวานของอเมริกา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเพิกเฉยต่อความแปรปรวนอารมณ์โดยถือว่าเป็นอาการของวันแย่ๆ ของการทำงาน เสียงร้องไห้งอแงของเด็กๆ หรือ การทะเลาะกันกับคู่แต่งงานของคุณ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่เกินปกติก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้ด้วย ลองนึกดูว่าคุณอารมณ์เสียแค่ไหนเวลาคุณหิวมาได้ซักพักนึงแล้วคุณกลับมามีชีิวิตชีวาอีกครั้งหลังจากมีอาหารลงไปแตะกระเพราะของคุณอย่างไร
2.การขับปัสสาวะบ่อยครั้ง
การที่จะต้องลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำนั้นเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แล้วการที่จะต้องปฏิบัติทุกๆสองชั่วโมงอาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณได้เป็นโรคเบาหวานเสียแล้ว การขับปัสสาวะบ่อยนั้นเป็นอาการทั่วไป ที่สุดของโรคเบาหวาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าว เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณพุ่งสูงขึ้นจนผ่านระดับปกติไปแล้ว ไตของคุณก็จะส่งผ่านส่วนที่เกินมาไปที่น้ำปัสสาวะ ทำให้การสร้างน้ำปัสสาวะนั้นเพิ่มขึ้นตามน้ำตาล
3.การกระหายน้ำที่เกินปกติ
ทุกๆคนมีประสบการณ์กับอาการกระหายน้ำหลังจากการออกกำลังกายหรือผ่านไปซักสองสามชั่วโมงโดยไม่ได้ดื่มน้ำเลย แต่ว่าอาการปากแห้งอย่างต่อเนื่องอาจจะหมายถึงอะไรบางอย่างที่มากกว่าการที่คุณจะต้องเริ่ม รับของน้ำเข้าสู่ร่างกาย ในฐานะที่เป็นบอกอาการของโรคเบาหวานแล้ว การหิวน้ำที่มากเกินไปนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไกล้ชิดกับการปัสสาวะบ่อยครั้ง เพราะว่าของเหลวนั้นถูกขับออกมาจากร่างกาย ระบบร่างกายของคุณ ก็เลยคงระดับน้ำไว้ไม่ได้ แต่ไม่ต้องกังวลถ้าหากคุณกระหายน้ำเป็นครั้งคราว เพราะเรื่องที่ต้องเป็นกังวลจริงๆก็คือเวลาที่คุณรู้สึกต้องการน้ำอย่างรุนแรงโดยที่ไม่รู้สึกพอเสียที นายแพทย์กล่าวเพิ่มเติม
4.ความหิวรุนแรงและอาการอ่อนเพลีย
เพราะว่าคนที่เป็นเบาหวานนั้นขับน้ำตาลส่วนใหญ่ที่พวกเขารับเข้าไปออก ร่างกายก็เลยไม่ได้อาหารที่มันต้องการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าว เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับเชื้อเพลิงที่เพียงพอ ทำให้เกิดความรู้สึกหิวและความอ่อนล้า เวลาน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง ทุกอย่างก็เหมือนไปเข้าห้องน้ำกันหมด คุณจะลงเอยกับอาการหิวกระหายอยู่เรื่อยๆแล้วขาของคุณก็ขึ้นบันไดไม่ไหว ผู้คนมักจะถือว่าอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้านั้นมาจาก การที่อายุมากขึ้น แต่แพทย์แนะนำว่าให้สังเกตดีๆ
5.ทัศนวิสัยในการมองเห็นพร่ามัว
เช่นเดียวกับอาการโรคเบาหวานอื่นๆ การที่สายตาพร่ามัวนั้นก็เกี่ยวข้องกับน้ำ เวลาที่ระดับน้ำตาลของคนเราพุ่งสูงขึ้น น้ำนั้นจะถูกขับออกออกมาจากเลนส์ของตา ทำให้เลนส์เปลี่ยนรูปร่างเป็นการตอบสนอง เมื่อน้ำถูกแทนที่ กลับเข้าไปแล้ว เลนส์ตาก็จะพองกลับขึ้นมา จากคำพูดของแพทย์ที่กล่าวไว้ว่า ดวงตานั้นทำหน้าที่เหมือนกับขนมปังแครกเกอร์ในถ้วยน้ำและดูดซับน้ำมากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ เลนส์ของดวงตานั้นกำลังยุบและ พองตัว เขากล่าว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทำให้วิธีที่ดวงตารับแสงนั้นเปลี่ยนไปด้วย
6.น้ำหนักลดลงผิดปกติ
ถึงแม้ว่าโรคเบาหวานมักจะเกี่ยวจ้องกับโรคอ้วน การสูญเสียน้ำหนักที่ไม่แน่ชัดอาจจะชี้ไปถึงความไม่สมดุลย์ของน้ำตาลในเลือดได้ เพราะว่าน้ำตาลไม่สามารถถูกย่อยสลายลงได้ มันจึงถูกขับออกก่อนที่แคลอรี่จะมีโอกาสได้ เปลี่ยนมันไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับร่างกาย พลังงานแคลอรี่นั้นถูกใช้ไปอย่างเสียเปล่า น้ำตาลไม่ได้ถูกใช้ เพื่อที่จะชดเชยกัน ร่างกายก็เริ่มที่จะอาศัยพลังงานที่ถูกเก็บไว้ร่างกายในรูปแบบของไขมัน เมื่อร่างกายเริ่มใช้ส่วนสำรองเหล่านี้แล้ว คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจึงมักเห็นว่าน้ำหนักและรอบเอวของตนลดลง
7.อาการปวดขา
ความไม่สมดุลย์ของน้ำตาลในเลือดส่งผลกระทบต่อทุกๆส่วนของร่างกายรวมไปถึงระบบประสาทด้วย ดังนั้นระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจึงทำให้ความรู้สึกตอบรับความเจ็บปวดของคนไม่ทำงานตามปกติ แม้กระทั่งคนที่มีจุดตอบรับ ความเจ็บปวดที่สูง เวลาที่ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาจะเริ่มรู้่สึกถึงความเจ็บปวดที่พวกเขาอาจไม่เคยรู้สึกมาก่อน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ซึ่งเขาได้เน้นว่าปรากฏการณ์เช่นนี้จะปรากฏขึ้นชัดเจนโดยเฉพาะที่ขาและเท้า นั่นก็เป็นเพราะว่าปกติแล้วคนเราจะถ่ายแรงกดปริมาณมากลงบนขาท่อนล่าง
8.ผิวหนังแห้งและมีอาการคัน
เวลาที่คุณมีน้ำตาลในเลือดสูง ความไม่สมดุลย์ของน้ำไม่ได้ส่งกระทบเพียงแค่ดวงตา กล้ามเนื้อและระบบประสาทของคุณ แต่มันยังส่งผลกระทบถึงผิวหนังของคุณด้วย เพื่อที่ชดเชยส่วนที่ขาดหายไป ร่างกายจะขโมยน้ำมาจากอวัยวะต่างๆ และผิวหนังเองก็ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนนึงที่เป็นแหล่งความชื้นที่ใหญ่ที่สุดโดยเทียบเคียงจากขนาดของมัน ทุกคนก็ผิวแห้งเป็นบางครั้งอยู่แล้ว แล้วคุณควรจะเป็นกังวลเมื่อไหร่ล่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าปกติแล้วผิวของคุณเป็นยังไง แล้วความแตกต่าง ที่คุณเห็นมันมากแค่ไหน ถ้ามันเป็นอยู่เรื่อยๆแล้วผิวคุณดูเปลี่ยนไปมาก มันก็อาจจะถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องไปพบแพทย์
9.แผลหายช้า
บาดแผลที่หายช้าหรือว่าเจ็บปวด เป็นอีกอาการของโรคเบาหวานที่ถูกมองข้ามไป ในขณะที่น้ำตาลในเลือดที่สูงนั้นดูดของน้ำออกจากร่างกาย มันทำให้เลือดนั้นมีความเข้มข้นขึ้นด้วย ซึ่งทำให้เป็นเรื่องลำบากสำหรับเซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยปกป้อง เราจากการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเดินทางผ่านเข้ามาในร่างกาย ซึ่งตามลำดับแล้วทำให้มันยากขึ้นสำหรับเซลล์เหล่านี้ที่จะช่วยให้แผลรักษาตัว คนที่เป็นโรคเบาหวานอาจจะรู้สึกตัวว่าได้ใช้เวลานานขึ้นสำหรับอะไรที่เล็กๆน้อยๆอย่างรอยถลอกตื่นๆ ตามหัวเข่าหรือข้อศอกจะหาย แม้กระทั่งสิวก็อาจจะขึ้นอยู่นานกว่าเก่าซักสองสามวัน
โรคเบาหวานนั้นถือว่าเป็นโรคที่อันตราย ดังนั้นเราจึงควรดูแลและคอยสังเกตตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.vcharkarn.com/vcafe/141412
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น